- 06.00 น. พร้อมกันที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 10เคาน์เตอร์ W สายการบิน AIR INDIA โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน08.50 น. เหินฟ้าสู่ เมืองเดลี โดยสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 333 (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 45 นาที)12.05 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี เมืองเดลี ประเทศอินเดียและผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองชัยปุระ (ระยะทางประมาณ 281 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 5-6 ชั่วโมง)เมืองชัยปุระ (Jaipur) “นครสีชมพู” เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแคว้นราชาสถานจัดได้ว่าเป็นเมืองที่มีการออกแบบผังเมืองได้ดีที่สุดเมืองหนึ่ง สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ได้รับการทาสีให้เป็นสีชมพูค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรมHOLIDAY INN CITY CENTER HOTEL – 4* หรือเทียบเท่า
โกลบอล ฮอลิเดย์ มีความยินดีขอนำเสนอโปรแกรมพิเศษ เพียงปีละครั้ง ร่วมเทศกาลโฮลี่ “ HOLI FESTIVAL” หรือเทศกาลแห่งสีสัน และพาเยือนดินแดนแห่งมหาราชา ณ แคว้นราชาสถาน ชมหลากหลายนครแห่งสีสัน ได้แก่ ชัยปุระ จ๊อดปูร์ รานัคปูร์ อุไดปูร์ สุดยอดความงดงามของสถาปัตยกรรมแห่งดินแดนมหาราชาเมื่อครั้งในอดีตที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านอัครมหาสถานดั่งเช่นพระราชวังและชุมชนใหญ่แห่งแคว้นราชาสถาน บรรดาเมืองต่างๆที่มีสีสันมีชีวิตชีวาและยังคงวิถีชีวิตตามแบบฉบับของแคว้นแห่งทะเลทรายธาร์ไว้เป็นอย่างดี แม้กาลเวลาจะผ่านล่วงเลยมายาวนาน เทศกาลโฮลี่ เป็นเทศกาลสำคัญ และ จัดขึ้นทุกปี ปีละ 2 วัน ในช่วงเดือนมีนาคม ตำนานของเทศกาลนี้ มีหลายเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา แต่มิอาจพิสูจน์ได้ว่าที่จริงแล้วมาจากเรื่องใด เทศกาลนี้คล้ายเทศกาลสงกรานต์ของไทย คือเทศกาล Holi จะเป็นการสาดสีใส่กัน แต่เทศกาลสงกรานต์ของไทยจะเป็นการสาดน้ำใส่กัน แต่คนอินเดียสาดผงสีใส่กัน โดยสีที่ใช้จะเป็นสีจากธรรมชาติ ทำจากสมุนไพร และพืช เช่น ขมิ้น ใบมะตูม ดอกทองกวาว เป็นต้น เทศกาลนี้เป็นการสร้างสีสันและมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า ช่วงที่เปลี่ยนแปลงจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน อาจทำให้คนล้มป่วยและการสาดสีจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป และสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายนั่นเอง
-
Day 1วันแรก กรุงเทพ – ชัยปุระ ( อาหาร ---/ กลางวัน / ค่ำ )
-
Day 2วันที่สอง ชัยปุระ ( อาหาร เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเยี่ยมชมความงามของมหานครสีชมพู โดยเริ่มต้นกันที่ป้อมปราการ เอเมอร์ฟอร์ท ด้วยกิจกรรมขี่ช้างขึ้นชม Amer Fort ซึ่งเดิมเคยเป็นราชธานีของเมืองชัยปุระสร้างอยู่บนเนินเขาสูงตรงตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นป้อมปราการเก่าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 มาก่อน โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1592 ในสมัยของมหาราชา Man Singh I ป้อมแห่งนี้ได้รับการก่อสร้างต่อเติมอีกในสมัยของมหาราชา Jai Singh I ก่อนที่จะย้ายราชธานีไปยังพื้นราบของเมืองจัยปูร์ในปัจจุบัน ป้อมปราการแห่งนี้เป็นต้นแบบที่ดีของสถาปัตยกรรมแบบ Rajput ซึ่งสร้างอยู่บนเนินเขา โดยมีทะเลสาบ Maotaอยู่เบื้องล่าง แวดล้อมด้วยชุมชนของเขตเมืองเก่า ทัศนียภาพเมื่อมองลงมาจากป้อมเป็นสิ่งที่น่าประทับใจจากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปที่ พระราชวังสายลม (Hawa Mahal) สิ่งปลูกสร้างที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นที่สุดในนครสีชมพูแห่งนี้ จนเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองไปเสียแล้วทั้งๆที่ในความเป็นจริง สิ่งปลูกสร้างชิ้นนี้ก็มิได้มีประโยชน์อื่นใดนอกจากเป็นเพียงซุ้มหน้าต่าง953 ช่องให้บรรดานางในทั้งหลายภายในฮาเร็มได้มีโอกาสแอบยลโลกภายนอกเท่านั้นกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย ชม พิพิธภัณฑ์ซิตี้พาเลซ (City Palace) อดีตเป็นที่พำนักหลักของครอบครัวผู้ปกครองเมืองและเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในด้านสถาปัตยกรรมชั้นยอด ชมศิลปวัฒนธรรมและงานหัตถกรรมของแคว้นราชาสถานในอดีตมหาราชา ไสว ชัยสิงห์ ที่ได้ย้ายเมืองหลวงจากพระราชวังเอเมอร์ลงมายังเมืองชัยปุระและได้สร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่ที่ใจกลางเมืองในปัจจุบันเรียกว่า CITY PALACE ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้า ของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของมหาราชาแห่งเมืองชัยปุระจากนั้นนำท่านชม หอดูดาว (Jantar Mantar) สร้างขึ้นในปีค.ศ.1716 ตามคำบัญชาของมหาราชาชัยสิงห์ที่2 นอกจากทรงสร้าง City Palace แล้ว พระองค์ยังทรงเป็นกษัตริย์นักดาราศาสตร์ จึงทรงสร้างหอดูดาวและอุปกรณ์ดาราศาสตร์ขนาดใหญ่ไว้มากมาย เรียกว่า Jantar Mantar ไม่ใช่แค่ 1 แห่งแต่มีถึง 5 แห่ง อีก 4แห่งอยู่ที่ Delhi, Ujjain, Varanasi และ Matura แต่ที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดอยู่ที่นี่ นาฬิกาแดดที่ยังเที่ยงตรงอยู่ บอกเวลาที่เมือง Jaipur โดยเฉพาะ ซึ่งจะไม่ตรงกับเวลามาตรฐานของอินเดียค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม HOLIDAY INN CITY CENTER HOTEL – 4* หรือเทียบเท่า
-
Day 3วันที่สาม ชัยปุระ – อุไดปูร์ ( อาหาร เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเมื่อสมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติชัยปุระ10.00 น. เหินฟ้าสู่ เมืองอุไดปูร์ โดยสายการบิน AI INDIA เที่ยวบินที่ AI 9685 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง)***(โหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่องได้ท่านละ 1 ใบ โดยมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม)***11.00 น. เดินทางถึงสนามบิน เมืองอุไดปูร์กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันเมืองอุไดปูร์ (Udaipur) เป็นราชธานีแห่งที่ 2 ของอาณาจักร Mewar ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นราชาสถาน เป็นเมืองที่โอบล้อมด้วยภูเขาและทะเลสาบมากมาย ทำให้เมืองอุไดปูร์มีความเขียวชะอุ่มกว่าเมืองอื่นในแคว้นนี้ เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านมนต์เสน่ห์และความโรแมนติกมากอีกเมืองหนึ่งเพราะเพียบพร้อมไปด้วยความงามของทะเลสาบ พระราชวังและน้ำพุที่สวยงาม โดยเฉพาะยามเย็นบรรยากาศริมทะเลสาบพิโชล่าโดยมีโรงแรม Lake palace สีขาวกลางน้ำและ City palace ตัดกับแสงอาทิตย์ยามอัสดงพร้อมแนวเทือกเขาสลับซับซ้อนกัน เมืองอุไดปูร์ถูกสถาปนาในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 และตั้งชื่อตามมหารานา อุได ซิงห์ที่ 2 (Maharana Udai Singh II) ผู้สถาปนาซึ่งสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ซิโซเดียที่ครองอาณาจักรเมวาร์ (Mewar) มาอย่างต่อเนื่องหลายร้อยปี และที่สำคัญราชวงศ์นี้ นับว่ามีความแข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดากลุ่มเจ้าราชปุตด้วยกันไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้รุกรานต่างชาติ และยืนหยัดต่อสู้กับจักรวรรดิโมกุลได้นานที่สุด อาณาจักรเมวาร์เคยอยู่ที่เมือง Chittor ห่างจากเมืองอุไดปูร์ไป 115 กิโมเมตร แต่มหารานาอุได ซิงห์ที่ 2 ตัดสินใจทิ้งเมือง Chittor ให้กับกองทัพของพระเจ้าอัคบาร์ แล้วจึงสร้างเมืองอุไดปูร์เป็นราชธานีขึ้นมาใหม่แทน เนื่องจากการต่อสู้กับกองทัพของพระเจ้าอัคบาร์หลายครั้งจนสามารถครองความเป็นรัฐอิสระมาได้ยาวนาน แต่ในปีค.ศ.1736 ก็พลาดท่าให้กับอาณาจักรมาราทัส ก่อนตัดสินใจรวมเข้ากับอินเดียในที่สุดนำท่านชม City Palace หรือพระราชวังฤดูหนาว ซึ่งส่วนหนึ่งมีการดัดแปลงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตและหินอ่อน ภายในประดับประดาด้วยกระจกและแก้วหลากสี นับเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นราชาสถาน ปัจจุบันบางส่วนยังคงเป็นที่ประทับของราชตระกูลและมีการจัดแสดงวัตถุโบราณที่มีค่ามากมายให้ผู้คนเข้าชมนำท่านชม Fateh Prakash Palace (รวมค่าเข้าชมภายใน Fateh Prakash Palace) ท่านจะได้เห็นความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์คริสตัล และเครื่องใช้คริสตัล ซึ่งมหาราชาองค์หนึ่งอยากได้เฟอร์นิเจอร์คริสตัลมาประดับวัง แต่ไม่ชอบเครื่องเรือนสไตล์ยุโรป จึงบัญชาให้กรมช่างในราชอาณาจักรทำเครื่องเรือนต้นแบบจากไม้แกะสลักลวดลายสวยงามก่อนส่งไปที่อังกฤษเพื่อให้บริษัทคริสตัลทำเฟอร์นิเจอร์ตามแบบนั้น เสร็จแล้วจึงค่อยส่งกลับมาประดับที่วังค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม HOTEL LAKEND – 4* หรือเทียบเท่า
-
Day 4วันที่สี่ อุไดปูร์ ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / ค่ำ )
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมนำท่านล่องเรือบนทะเลสาบ Pichola Lake ชมทิวทัศน์รอบทะเลสาบที่มีฉากเป็นมหาราชวังอย่างเช่น Lake Palace ในยามเย็นแสงอาทิตย์กระทบวังที่ทำด้วยหินอ่อนจับแสงแดยามเย็นเป็นสีทองและสะท้อนให้เกิดภาพเงาในทะเลสาบสวยงามกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันอิสระให้ท่านได้เดินทางช้อปปิ้งที่ตลาดท้องถิ่นเย็น นำท่านชม พิธีโฮลิกาดาฮัน ( HOLIKA DAHAN ) ซึ่งพิธีนี้จะจัดขึ้นในคืนก่อนวันที่เล่นสาดสี สำหรับพิธีนี้ ตามตำนานเล่าว่า ท้าวหิรัณยกศิปุ ซี่งได้รับพรจากพระพรหม ที่จะทำให้เขาไม่ตายโดยน้ำมือมนุษย์หรือสัตว์ และไม่ตายด้วยอาวุธหรือมือเปล่า ทำให้ตนคิดว่าตัวเองเป็นอมตะและเกิดความอหังการแล้วประกาศให้ชาวบ้านบูชาตัวเอง เหมือนบูชาองค์พระวิษณุ ทำให้ลูกชายของเขาปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งพ่อ เพราะลูกของท้าวหิรัณยกศิปุ มีความภักดีต่อพระวิษณุ จึงทำให้ท้าวหิรัณยกศิปุโกรธ และต้องการกำจัดลูกชายตนเองแต่ไม่สามารถทำได้เพราะพระวิษณุทรงคุ้มครอง เขาจึงได้ออกอุบาย ให้น้องสาวของตนคือ HOLIKA ซึ่งได้รับพรว่าอัคคีจะไม่สามารถเผาผลาญนางได้ ท้าวหิรัณยกศิปุจึงให้ HOLIKA อุ้มลูกชายของตนเองไว้บนตัก HOLIKA ท่ามกลางกองเพลิงไฟเพื่อหวังฆ่าลูกตนเอง แต่ทำไม่สำเร็จเพราะพระวิษณุทรงปกป้องอยู่เสมิ จากนั้นพระวิษณุก็ได้อวตารเป็นนรสิงห์มาปราบท้าวหิรัณยกศิปุ จากตำนานจึงเป็นที่มาของการทำพิธี HOLIKA DAHAN หรือพิธีเผานางโฮลิกา จึงเป็นเทศกาลที่ระลึกถึงความดีชนะความชั่ว เสมือนไฟที่ไม่สามารถเผาลูกของท้าวหิรัณยกศิปุได้ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม HOTEL LAKEND – 4* หรือเทียบเท่า
-
Day 5วันที่ห้า อุไดปูร์ ( เทศกาล HOLI FESTIVAL ) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / ค่ำ )
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมนำท่านร่วม เทศกาลแห่งสีสัน (Holi Festival) เป็นเทศกาลสำคัญ และ จัดขึ้นทุกปี ปีละ 2 วัน ในช่วงเดือนมีนาคมตำนานของเทศกาลนี้ มีหลายเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา แต่มิอาจพิสูจน์ได้ว่าที่จริงแล้วมาจากเรื่องใด เทศกาลนี้คล้ายเทศกาลสงกรานต์ของไทย คือเทศกาล Holi จะเป็นการสาดสีใส่กัน แต่เทศกาลสงกรานต์ของไทยจะเป็นการสาดน้ำใส่กันกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันบ่าย นำท่านร่วมเทศกาลแห่งสีสัน (Holi Festival )ที่คนอินเดียสาดผงสีใส่กัน โดยสีที่ใช้จะเป็นสีจากธรรมชาติ ทำจากสมุนไพร และพืช เช่น ขมิ้น ใบมะตูม ดอกทองกวาว เป็นต้น เทศกาลนี้เป็นการสร้างสีสันและมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า ช่วงที่เปลี่ยนแปลงจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน อาจทำให้คนล้มป่วยและการสาดสีจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป และสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายนั่นเองค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม HOTEL LAKEND – 4* หรือเทียบเท่า
-
Day 6วันที่หก อุไดปูร์ – รานัคปูร์ - จ๊อดปูร์ ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / ค่ำ )
- 06.30 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม07.30 น. ออกเดินทางสู่ รานัคปูร์ (Ranakpur) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง)นำท่านชม วิหารเชน (Ranakpur Jain Temple) เป็นวิหารของศาสนาเชน สร้างโดยคหบดี Dharna Sah เมื่อเกือบ 500 ปีก่อน ภายในวิหารประกอบด้วยห้องโถงกว่า 24 ห้อง โดมทั้งหมด 80 โดมและเสาถึง 1,144 ต้น เสาแต่ละต้นถูกแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามมากกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันออกเดินทางสู่ เมืองจ๊อดปูร์ (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองโรแมนติกแห่งนครสีฟ้า “จ๊อดปูร์” (Jodhpur) หรือ โยธะปุระ นครนักรบที่ทั่วทั้งเมืองเป็นสีฟ้าราวกับน้ำทะเล เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในแคว้นราชาสถาน ถูกตั้งขึ้นเป็นราชธานี โดย Rao Jodha แห่งราชวงศ์ Rathorค่ำ รับประทานอาหารค่ำ เข้าสู่โรงแรมที่พัก WELCOME HOTEL JODHPUR - 5*, หรือเทียบเท่า
-
Day 7วันที่เจ็ด จ๊อดปูร์ - เดลี – กรุงเทพฯ ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / ค่ำ )
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมท่านชมจุดไฮไลท์ที่น่าสนใจของเมืองนี้คือ Mehrangarh Fort (ขึ้นโดยลิฟท์) เป็น 1 ใน 4 พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งเป็นป้อมที่มีขนาดใหญ่อยู่บนเนินเขาสูงขึ้นไปประมาณ 400 เมตรเหนือเมืองจ๊อดปูร์ ทำให้มองเห็นเด่นเป็นสง่าไม่ว่าจะมองจากจุดไหนๆ ภายในเมือง ป้อมแห่งนี้เป็นทั้งป้อมปราการและพระราชวังของเจ้าผู้ครองนครนำท่านชม Jaswant Thada เป็นที่ฝังศพของมหาราชา Jaswant Singh ที่สอง และสมาชิกคนอื่นๆในราชวงศ์ สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1899 เพื่ออุทิศให้กับมหาราชาจัสวันต์ ซิงห์ที่ 2 อนุสรณ์แห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ประตูและเสาแกะสลักลวดลายอย่างงดงามปราณีตกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน14.55 เหินฟ้าสู่ กรุงเดลี โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 47616.20 ถึงกรุงเดลี นำท่านรับประทานอาหารเย็น23.00 เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 334 (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 10 นาที)
-
Day 8วันที่แปด กรุงเทพฯ
- 04.40 น. ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ